วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555
แม่ของฉันเปรียบเสมือน
แม่ของฉันเปรียบเสมือน....
แม่ของฉัน
เพราะคำว่าแม่สำหรับฉัน คือ คนที่ให้ชีวิต ให้ความรัก ความดูแลเอาใจใส่ ความเมตตา และแม่ก็เป็นคนที่จะคอยยืนอยู่เคียงข้างเราเสมอในเวลาที่เราลำบาก หรือ มีเรื่องไม่สบายใจ แม่ก็จะเป็นคนแรกที่จะมาปลอบใจเรา และพร้อมจะอยู่ข้างเราเสมอ และแม่ก็เป็นคนที่รักเราอย่างแท้จริง เพราะแสมารถทำทุกอย่างเพื่อเราได้ เราเกิดมามีแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่เราสำหรับฉันมันเป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ เพราะบางคนเกิดมาโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของเขาหน้าตาเป็นอย่างไร ในเมื่อเราเกิดมามีแม่แล้ว เราก็ควรจะทำให้แม่ของเรามีความสุข ดีใจกับสิ่งที่เราทำ นั่นคือ การป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ทำเรื่องเดือดร้อนให้แม่ต้องหนักใจ มันไม่ใช่สิ่งที่มีราคามากมายอะไร แต่มันก็คงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับแม่เลยก็ว่าได้
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555
วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555
วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
วันเข้าพรรษา เป็นวันสำคัญในพุทธศาสนาวันหนึ่ง ที่พระสงฆ์อธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดช่วงฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น
"เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า "ปุริมพรรษา"
ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา" เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด
สำหรับข้อยกเว้นให้ภิกษุจำพรรษาที่อื่นได้ โดยไม่ถือเป็นการขาดพรรษา เว้นแต่เกิน 7 วัน ได้แก่
1.การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย
2.การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้
3.การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด
4.หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขาได้
นอกจากนี้หากระหว่างเดินทางตรงกับวันหยุดเข้าพรรษาพอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศัรทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้
วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)